เทคนิคและวิธีการเลี้ยงหมูป่า ตอนที่ 2 ในมุมมองและจากประสบการณ์ตรง - ห้องสนทนาเกี่ยวกับเกษตร - โครงการ อาชีวะสร้างช่างฝีมือ ตามแนวทางโรงเรียนพระดาบส วิทยาลัยการอาชีพโนนดินแดง จ.บุรีรัมย์


เทคนิคและวิธีการเลี้ยงหมูป่า ตอนที่ 2 ในมุมมองและจากประสบการณ์ตรง
  ครูอ๊อด รฐศาสตร์
  รายละเอียด   ส่งข้อความ โพสต์เมื่อ : 11 กุมภาพันธ์, 2568, 20:39:55 PM 73 0


จากที่ได้เล่าประสบการณ์ ในการเลี้ยงหมูป่า ที่ตอนที่แล้ว ตอนที่ 1  วันนี้แอดมินว่างจากภารกิจเลยมีเวลา จะมาเล่าประสบการณ์ในการเลี้ยงหมูป่า ให้เพื่อนๆชาวเกษตรกรผู้สนใจ ได้อ่านกันครับ

จากความเดิมตอนที่แล้ว หลายๆท่านคงได้อ่านกันบ้านแล้ว ฉนั้นแอดมินก็ขอสาธยายต่อเลยก็แล้วกันนะครับ


หมูป่านั้นจริงๆแล้ว เป็นสัตว์ดุร้ายไม่ว่าจะอยู่ในป่า หรือในคอกเพราะฉนั้นเราต้องมีความระมัดระวังตัวตลอดเวลา ถึงแม้มันดูเชื่อง จับต้องได้ ลูบคลำได้ก็ตาม แต่ด้วยความเป็นสัตว์ป่า พฤติกรรมของมันก็ยังคงเป็นสัตว์ป่าวันยังค่ำ เวลาเข้าไปในคอก อย่างน้อยเราต้องถือไม้ตะบอกเพื่อป้องกันตัวเอง


หมูป่าเมื่อมันเห็นไม้หรือตะบอกมันก็จะไม่ทำอะไรเรา ถึงแม้ถูกปรับแต่งสายพันธุ์แล้วความดุร้ายก็ไม่เจือจางไปไหน หมูป่าเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย กินพืชเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นหญ้า ใบไม้ ผลไม้ ก็กินได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะต้นกล้วยถือว่าเป็นอาหารโปรดของมันเลยทีเดียว

จริงๆแล้วหมูป่ากินได้ทั้งพืชและก็สัตว์ หากมีไก่เข้าไปในคอกของมันรับรองเลยว่า โดนงับเข้าปากทันที เทคนิคการเลี้ยงคร่าวๆ ดังนี้

อาหาร

สำหรับผมแล้วอาหารที่ให้หมูป่ากินนั้น มีดังนี้ รำ ข้าวต้ม  หัวอาหารหมู(ผง) ต้นกล้วยสับละเอียด ผสมให้เข้ากันเติมน้ำให้เยอะที่สุด จนเหลว ถ้าเปรียบเทียบก็คล้ายๆล็อตช่องแหละครับ เอาน้ำใส่เยอะๆเพราะหมูป่ามันไม่ค่อยกินน้ำ เราเลยต้องผสมน้ำกับอาหารนี่แหละ หากตักน้ำให้มันต่างหาก มันจะเลอะคอก และที่สำคัญหมูป่ามันจะไม่กินหากไม่จำเป็นจริงๆ

บางคนให้อาหารวันละ 1 มื้อ ซึ่งเทคนิคและวิธีการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปนั้นจะนิยมให้อาหาร วันละ 2 มื้อ คือ เช้ากับเย็น เน้นให้ต้อนสายๆ ส่วนตอนเย็นไม่เกิน 2 ทุ่ม

ส่วนอาหารเสริมของหมูนั้น หากไม่อยากให้หมูเหงาเศร้าซึม ก็หาพืชผักหรือต้นกล้ย ใบกล้วย ให้มันกิน ในเวลาเที่ยงๆ ก็ได้ เพื่อให้มันไม่ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะตัวผู้

น้ำควรให้เวลาไหน?

น้ำไม่จำเป็นต้องให้ เพราะเราได้ผสมไปกับอาหารมื้อเช้า และมื้อเย็นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องให้มันอีก

ต้องฉีดวัคซีนไหม?

ปกติแล้วหากขึ้นชื่อคำว่าหมู มันก็จะไม่ต่างกันไม่ว่าจะเป็นหมูป่าหรือหมูบ้าน ล้วนติดโรคได้เช่นกัน บางคนบอกหมูป่ามีความต้านทานโรคสูง หากให้ผมตอบ "ไม่จริงครับ" อะไรก็แล้วแต่ที่ขึ้นชื่อว่าหมูมันก็คือหมูนี่แหละครับ ติดโรคได้ง่ายๆเหมือนหมูบ้านเช่นกัน เพียงแต่ว่าคนเรามักชอบคิดว่ามันอยู่ในป่าน่าจะมีภูมิคุ้มกันสูง สำหรับผมแล้วไม่จริงเลย

ฉนั้นอย่าให้ใครเดินเข้าไปเพ่นพ่านบริเวณคอก หากหมูป่าติดเชื้อก็จะลามไปทั้งคอก โรคหมูบ้านกับหมูป่าก็ดรคเดียวกันหากติดขึ้นมาตายยกคอกก็มีถมเถไป
ส่วนวัคซีนนั้นหากอยากฉีกก็ฉีดได้ ให้ธาตุเหล็กด้วยก็ดี แต่สำหรับผมจะไม่ฉีดยาใดๆเลย จากประสบการณ์เคยเลี้ยงเหมือนหมูบ้านมักไม่ค่อยรอด เวลาหมูป่าไม่สบายฉีดยาให้มันตื่นเช้ามาตายเลยก็มี

ผมเลยฝังใจนับแต่นั้นมา ไม่เคยฉีดวัคซีน และยาใดๆเลยหมูสุขภาพดีมาตลอด ไม่สบายก็หาฟางให้มันห่ม สักพักมันก็ดีของมันเอง

ระยะเวลาที่สามารถทำเป็นแม่พันธุ์ได้!

หากใครไม่เคยเลี้ยง อย่าหลงเชื่อพ่อค้าแม่ค้าเด็ดขาด เพราะหลายๆคนบอกว่า 4-5 เดือนก็เป็นแม่พันธุ์ได้ จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ตอนผมซื้อมาใหม่ๆก็โดนไปหลายบาทเช่นกันครับ พ่อค้าบอกหมูสาวพร้อมผสม 5 อายุ 5 เดือน พอซื้อมาเลี้ยงปาไปถึง 10 เดือนถึงจะผสมได้

ระยะเวลาที่หมูโตเป็นสาวพร้อมผสม ดังนี้ นับตั้งแต่วันคลอด ไปถึง 8 เดือน จริงๆแล้วปกติก็ 8-10 เดือน ถึงสามารถเอามาทำเป็นแม่พัธุ์ได้

หมูป่าใช้ระยะเวลาท้องกี่เดือนถึงจะคลอด?

ก่อนอื่นเราต้องเอาหมูมาผสมพันธุ์กันก่อน หากหมูตัวเมียมีอาการเป็นสัด มันจะกระวนกระวายอยู่ไม่สุข งัดกัดแงะคอกทั้งวัน ไม่ค่อยกินอาหาร และที่สำคัญคือดูที่ตูดมัน (จิ๋ม) มันจะบวมๆแดงแป๊ด หรือมันจะบวมๆกว่าปกติที่เคยเป็น เมื่อเห็นว่ามันเป็นสัดแล้ว ก็นำตัวผู้เข้าผสมได้เลย การผสมนั้นบางครั้งครั้งเดียวจะไม่ติด หากเป็นแม่สาวอย่างน้อย 2-4 ครั้งถึงจะติด (ท้อง)  หมูป่า จะใช้ระยะเวลาตั้งครรภ์ ประมาณ 4 เดือน หรือ เร็วสุด 115 วัน (ประมาณ 3 เดือนกว่าๆ)

หากหมูท้องแก่ ใกล้คลอดแล้วเราควรแยกจากฝูง เพื่อป้องกันหมูป่าตัวอื่นกินและทำร้ายลูกมัน ควรปิดคอกให้มิดชิด เพราะหมาก็อยากกินหมูเช่นกัน หมาคือตัวอันตรายสำหรับลูกหมู หากมันเข้าคอกได้จะกัดอาจไม่เหลือสักตัวครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กุมภาพันธ์, 2568, 08:59:33 AM โดย ครูอ๊อด รฐศาสตร์ »