วันนี้แอดมินเองก็ขอเล่าเรื่อง ต่อจากบทความที่แล้ว ตอนที่ 1ต่อเลยก็แล้วกันครับ ไก่บ้าน เลี้ยงง่ายกำไรงาม โดยเฉพาะช่วงนี้ เดือนมกราคม 2566 เป็นช่วงที่ราคาไก่บ้านสูงมาก สูงถึง กิโลกรัมละ 120-125 บาท กันเลยทีเดียว
จากความเดิมตอนที่แล้ว ตอนที่ 1 เมื่อ "เล้าไก่" พร้อมแล้วก็เริ่มเอาไก่มาเลี้ยงกันเลย สำหรับผมช่วงแรกๆหรือวันแรกที่เริ่มเลี้ยงผมจะใช้วิธี คือ หาซื้อลูกเจี๊ยบ ซึ่งซื้อมาจาก ฟาร์มบ้านภูมิคดี อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ช่วงนั้น ราคาตัวละ 25 บาท
เมื่อเราซื้อลูกไก่มาแล้ว หากไก่ยังไม่พร้อมลงดิน ก็เอามาในตู้อบ "เปิดไฟให้ความอบอุ่นตอนกลางคืน" ผมทำจากไม้อัด แนวยาวให้อากาศเข้าได้แค่ด้านบน (แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน) ขังไว้ในกล่องไม้อัดประมาณ 15 วัน หรือตามเห็นสมควร (ต้องดูที่ตัวไก่เป็นหลักว่าแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าดีไหม) หากพร้อมลงดินแล้วก็เอาเข้าโรงเรือนได้เลย
เมื่อเรานำไก่ลงดินในโรงเรือน ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินหรือปูน หากเป็นดินไม่จำเป็นต้องโรยแกลบ หากเป็นปูควรอย่างยิ่งที่ต้องโรยแกลบให้ทั่ว เพื่อความอบอุ่นของลูกเจี๊ยบและไม่เลอะขี้ไก่ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ต้องมีน้ำให้ตลอดเวลา โดยใช้น้ำเปล่าผสม Bio b12 หรือน้ำวิตามิน b12 หรืออื่นๆแล้วแต่ยี้ห้อของผู้ผลิต
ไบโอบี 12 นั้นจะเป็นผงสีชมพู เมื่อผสมกับน้ำเปล่าจะเป็นสีชมพูอ่อนอ่อน ผสมตามฉลากที่ซองระบุได้เลย และสิ่งที่ช่วยให้ลูกไก่มีความอบอุ่นในตอนกลางคืนคือไฟ หลอดไฟ 100w ห้อยไว้สูงหนือตัวไก่ ประมาณ ครึ่งเมตร หรือตามเห็นสมควร
ส่วนอาหารลูกไก่นั่นแล้วแต่คนเลี้ยงจะเลือกว่า จะใช้หัวอาหารหรืออาหารที่มีทั่วไป อาหารทั่วไปคือ อาทิ ปลายข้าว ข้าว รำ และอื่นๆ ส่วนผมนั้นจะให้เป็นหัวอาหารไก่เล็ก ซึ่งสามารถหาซื้อตามร้านค้าทั่วไป มีทุกตำบลในประเทศไทย
การเลี้ยงไก่บ้านนั้น เมื่อเราเลี้ยงไปเรื่อยๆ สักพักประสบการณ์จะสอนเราเองว่าเทคนิควิธีการควรทำแบบไหนอย่างไร
แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ทฤษฎีเช่นกันบางครั้งมันไม่เป็นตามที่คนอื่นกล่าวหรือแนะนำ แต่ควรศึกษาหาความรู้จากหนังสือต่างๆไว้ก็เป็นการดี อย่างน้อยทำให้เรามีข้อมูลพื้นฐานอยู่บ้าง เพื่อจะได้เดินต่อไปถูกทาง
การนำไก่เข้าฟาร์มนั้น สำหรับผมๆขอแนะนำ ไก่ที่นำเข้าฟาร์มนั้นต้องมาจากที่เดียวกันเท่านั้น อย่าเอามาจากหลายที่รวมกัน เพราะเราไม่รู้ว่าโรคมันจะตามมาด้วยไหม ไก่หากติดเชื้อ 1 ตัว ก็จะลามไปอีกหลายร้อยตัว จนท้ายที่สุดจะไม่เหลือสักตัวครับ
วิธีที่ดีที่สุดในการเลี้ยงไก่บ้าน คือ "หาพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์มาเยอะๆ" ควรแยกเล้าห่างๆกัน ระหว่างพ่อแม่พันธุ์กับไก่เล็ก เพื่อความปลอดภัยจากเชื้อ
การที่เราทำการฟักไข่เอง โดยไม่ต้องซื้อลูกเจี๊ยบปลอดภัยกว่าวิธีอื่นๆในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ตัวผู้เลี้ยงเองว่ามีความเอาใจใส่มากน้อยเพียงใด
ไก่หากเราดูแลดี ไม่นำเข้าไก่จากที่อื่น ผมมั่นใจว่าปลอดโรคแน่นอน ส่วนการฉีดวัคซีนไก่หลังฟักควรทำเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้มันอาจช่วยได้ไม่เยอะแต่ป้องกันไว้จะเป็นการดี หลายท่านอาจเข้าใจว่าเมื่อเราฉีดวัคซีนให้ไก่แล้ว ไก่จะปลอดภัย จะไม่เป็นโรค หากเข้าใจแบบนั้นคือ ผิดแล้วครับ จะฉีดหรือไม่ฉีดโอกาสติดเชื้อมีเท่ากัน หากลองเลี้ยงดูแล้วผู้เลี้ยงจะเข้าใจเองครับว่าแท้ที่จริงแล้ว อยู่ที่การเอาใจใส่ของเราเองตะหากที่ปลอดภัยจากโรค โรงเรือนต้องสะอาดตลอดเวลา ต้องหมั่นฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อในเล้าเรื่อยๆ ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นวิธีการแค่เล่าให้ฟังคร่าวๆ จากประสบการณ์ที่เลี้ยง หวังว่าคงมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านนะครับ สุดท้ายท้ายสุด "การลงมือทำในสิ่งที่คิดว่าใช่ ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย ความรู้หรือปราชญ์นั้นมาจากประสบการณ์ของผู้ที่สะสมเรียนรู้ลงมือทำมาจนชำนาญ"
จากความเดิมตอนที่แล้ว ตอนที่ 1 เมื่อ "เล้าไก่" พร้อมแล้วก็เริ่มเอาไก่มาเลี้ยงกันเลย สำหรับผมช่วงแรกๆหรือวันแรกที่เริ่มเลี้ยงผมจะใช้วิธี คือ หาซื้อลูกเจี๊ยบ ซึ่งซื้อมาจาก ฟาร์มบ้านภูมิคดี อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ช่วงนั้น ราคาตัวละ 25 บาท
เมื่อเราซื้อลูกไก่มาแล้ว หากไก่ยังไม่พร้อมลงดิน ก็เอามาในตู้อบ "เปิดไฟให้ความอบอุ่นตอนกลางคืน" ผมทำจากไม้อัด แนวยาวให้อากาศเข้าได้แค่ด้านบน (แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน) ขังไว้ในกล่องไม้อัดประมาณ 15 วัน หรือตามเห็นสมควร (ต้องดูที่ตัวไก่เป็นหลักว่าแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าดีไหม) หากพร้อมลงดินแล้วก็เอาเข้าโรงเรือนได้เลย
เมื่อเรานำไก่ลงดินในโรงเรือน ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินหรือปูน หากเป็นดินไม่จำเป็นต้องโรยแกลบ หากเป็นปูควรอย่างยิ่งที่ต้องโรยแกลบให้ทั่ว เพื่อความอบอุ่นของลูกเจี๊ยบและไม่เลอะขี้ไก่ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ต้องมีน้ำให้ตลอดเวลา โดยใช้น้ำเปล่าผสม Bio b12 หรือน้ำวิตามิน b12 หรืออื่นๆแล้วแต่ยี้ห้อของผู้ผลิต
ไบโอบี 12 นั้นจะเป็นผงสีชมพู เมื่อผสมกับน้ำเปล่าจะเป็นสีชมพูอ่อนอ่อน ผสมตามฉลากที่ซองระบุได้เลย และสิ่งที่ช่วยให้ลูกไก่มีความอบอุ่นในตอนกลางคืนคือไฟ หลอดไฟ 100w ห้อยไว้สูงหนือตัวไก่ ประมาณ ครึ่งเมตร หรือตามเห็นสมควร
ส่วนอาหารลูกไก่นั่นแล้วแต่คนเลี้ยงจะเลือกว่า จะใช้หัวอาหารหรืออาหารที่มีทั่วไป อาหารทั่วไปคือ อาทิ ปลายข้าว ข้าว รำ และอื่นๆ ส่วนผมนั้นจะให้เป็นหัวอาหารไก่เล็ก ซึ่งสามารถหาซื้อตามร้านค้าทั่วไป มีทุกตำบลในประเทศไทย
การเลี้ยงไก่บ้านนั้น เมื่อเราเลี้ยงไปเรื่อยๆ สักพักประสบการณ์จะสอนเราเองว่าเทคนิควิธีการควรทำแบบไหนอย่างไร
แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ทฤษฎีเช่นกันบางครั้งมันไม่เป็นตามที่คนอื่นกล่าวหรือแนะนำ แต่ควรศึกษาหาความรู้จากหนังสือต่างๆไว้ก็เป็นการดี อย่างน้อยทำให้เรามีข้อมูลพื้นฐานอยู่บ้าง เพื่อจะได้เดินต่อไปถูกทาง
การนำไก่เข้าฟาร์มนั้น สำหรับผมๆขอแนะนำ ไก่ที่นำเข้าฟาร์มนั้นต้องมาจากที่เดียวกันเท่านั้น อย่าเอามาจากหลายที่รวมกัน เพราะเราไม่รู้ว่าโรคมันจะตามมาด้วยไหม ไก่หากติดเชื้อ 1 ตัว ก็จะลามไปอีกหลายร้อยตัว จนท้ายที่สุดจะไม่เหลือสักตัวครับ
วิธีที่ดีที่สุดในการเลี้ยงไก่บ้าน คือ "หาพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์มาเยอะๆ" ควรแยกเล้าห่างๆกัน ระหว่างพ่อแม่พันธุ์กับไก่เล็ก เพื่อความปลอดภัยจากเชื้อ
การที่เราทำการฟักไข่เอง โดยไม่ต้องซื้อลูกเจี๊ยบปลอดภัยกว่าวิธีอื่นๆในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ตัวผู้เลี้ยงเองว่ามีความเอาใจใส่มากน้อยเพียงใด
ไก่หากเราดูแลดี ไม่นำเข้าไก่จากที่อื่น ผมมั่นใจว่าปลอดโรคแน่นอน ส่วนการฉีดวัคซีนไก่หลังฟักควรทำเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้มันอาจช่วยได้ไม่เยอะแต่ป้องกันไว้จะเป็นการดี หลายท่านอาจเข้าใจว่าเมื่อเราฉีดวัคซีนให้ไก่แล้ว ไก่จะปลอดภัย จะไม่เป็นโรค หากเข้าใจแบบนั้นคือ ผิดแล้วครับ จะฉีดหรือไม่ฉีดโอกาสติดเชื้อมีเท่ากัน หากลองเลี้ยงดูแล้วผู้เลี้ยงจะเข้าใจเองครับว่าแท้ที่จริงแล้ว อยู่ที่การเอาใจใส่ของเราเองตะหากที่ปลอดภัยจากโรค โรงเรือนต้องสะอาดตลอดเวลา ต้องหมั่นฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อในเล้าเรื่อยๆ ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นวิธีการแค่เล่าให้ฟังคร่าวๆ จากประสบการณ์ที่เลี้ยง หวังว่าคงมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านนะครับ สุดท้ายท้ายสุด "การลงมือทำในสิ่งที่คิดว่าใช่ ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย ความรู้หรือปราชญ์นั้นมาจากประสบการณ์ของผู้ที่สะสมเรียนรู้ลงมือทำมาจนชำนาญ"
บันทึกการเข้า
