การปรับปรุงดินปลูกต้นไม้ในบ้าน - เรื่องทั่วไป - โครงการ อาชีวะสร้างช่างฝีมือ ตามแนวทางโรงเรียนพระดาบส วิทยาลัยการอาชีพโนนดินแดง จ.บุรีรัมย์


การปรับปรุงดินปลูกต้นไม้ในบ้าน
  ครูอ๊อด รฐศาสตร์
  รายละเอียด   ส่งข้อความ โพสต์เมื่อ : 30 กรกฎาคม, 2565, 11:20:37 AM 142 0



การปรับปรุงดินโดยทั่วไป พืชแต่ละชนิดต้องการลักษณะของดินในการเจริญเติบโตไม่เหมือนกัน พืชบางชนิดชอบดินที่ดอน แต่พืชบางชนิดชอบดินที่มีน้ำขัง การปรับปรุงดินให้เหมาะกับพืชแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกัน แต่โดยทั่วๆ ไปแล้วการปรับปรุงดินทำได้ดังนี้คือ

1. การปรับปรุงดินในที่ลุ่มน้ำท่วมเป็นบางฤดู ถ้าต้องการจะปลูกพืชไร่ ทำได้ 2 วิธีคือ
1. ขุดคูทำคันดินรอบบริเวณที่ต้องการปลูกพืช เมื่อฝนตกน้ำท่วมก็สูบน้ำออก โดยสูบน้ำให้ได้ระดับน้ำต่ำกว่าผิวดินมากๆ ก็สามารถปลูกพืชไร่ได้ตามต้องการ เช่น ที่บริเวณเกษตรกลางบางเขน
2.  ถมดินให้สูงขึ้นกว่าระดับน้ำ แล้วปลูกพืชที่ต้องการ เช่น ตามริมถนน มักจะถมดินให้สูงขึ้นเพื่อปลูกต้นไม้ริมทาง แต่การถมดินนั้นควรถมให้กว้าง ถ้าถมให้สูงเฉพาะตรงต้นไม้ ดินจะรับน้ำที่รดไว้ไม่พอกับปริมาณที่ต้นไม้ต้องการ

2. การปรับปรุงดินที่มีน้ำใต้ดินสูง ทำให้ได้การฝังท่อระบายน้ำซึ่งท่อระบายน้ำนี้จะต้องทำด้วยดินเผา ตรงหัวต่อของท่อกลบด้วยทรายหยาบเพื่อทำให้น้ำซึมผ่านได้สะดวก ท่อระบายน้ำที่ฝังลงไปลึกให้พ้นจากเขตไถพรวน และจะต้องวางท่อให้ห่างกันพอเหมาะ โดยดินทรายวางให้ห่างๆ กันได้ แต่ถ้าเป็นดินเนื้อละเอียด จะต้องวางท่อให้ถี่เข้า  เมื่อน้ำระบายออกจากท่อลงในลำคลองหรือร่องน้ำ แล้วสูบออก เช่น ในประเทศฮอลแลนด์เขาสูบน้ำโดยใช้กังหันลม

3. ดินเปรี้ยวหรือดินกรด  ดินโดยทั่วไปมักจะเป็นดินกรดอ่อนๆ แต่มีบางแห่งที่เป็นกรดจัดมาก จนปลูกพืชอะไรไม่ขึ้น ดินกรดนี้เกิดจากเหตุดังนี้คือ
1.  เกิดจากหิน หรือแร่ที่ให้กำเนิดแก่ดิน
2.  เกิดจากการเน่าเปื่อยผุพังของสารอินทรีย์
3.  เกิดจากการใส่ปุ๋ยเคมีบางชนิด  ปรับปรุงแก้ไขได้โดยการใส่ปูนขาวหรือปูนมาร์ล  แต่จะใส่มากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความเป็นกรดของดิน เนื้อดินและอินทรีย์วัตถุในดิน แต่โดยทั่วๆ ไปแล้ว การใส่ปูนขาวประมาณ 200 ก.ก. ต่อไร่

4. ดินหวานหรือดินด่าง คือดินที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง ซึ่งโดยทั่วไปดินเป็นด่างมักไม่ค่อยพบนอกจากบางแถบของโลก  ในเมืองไทยมักพบบ้างแถบภูเขาหินปูน จังหวัดลพบุรี หรือสระบุรี

ดินด่างเกิดจากเหตุ 2 ประการคือ
          1.  เกิดจากหินหรือแร่ที่ให้กำเนิดแก่ดิน
          2.  เกิดจากการใส่ปุ๋ยเคมีบางชนิด การปรับปรุงแก้ไขดินด่างโดยทั่วไป มักแก้โดยใส่กำมะถันผง แล้วทิ้งไว้ 3-4 อาทิตย์ ใส่กำมะถันปริมาณมากน้อยแค่ไหนย่อมขึ้นอยู่กับความชื้น ของดินอินทรีย์วัตถุในดินและเนื้อของดิน

5. ดินเค็ม  คือดินที่มีเกลือแกงปะปนอยู่ในดินเป็นปริมาณมากจนทำให้เกลือแกงเป็นพิษกับต้นพืชบางชนิด ดินเค็มนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุ 3 ประการคือ
1.  เกิดจากหินหรือแร่ที่ให้กำเนิดแก่ดิน เช่น ดินทางภาคอีสาน
2.  เกิดจากเกลือแกงเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น โดยลมพัดเอาไอเกลือมา เช่น ดินแถบชายทะเล หรือน้ำพัดพามา เช่นบางแห่งแถบชายทะเล
3.  เกิดจากการใส่ปุ๋ยเคมีบางชนิดเป็นเวลานานๆ แต่มีน้อยมาก การแก้ไขปรับปรุงดินเค็มนั้นแตกต่างกันแล้วแต่ชนิดของการเกิด ถ้าดินเค็มนั้นเกิดจากหินหรือแร่ที่ให้กำเนิดแก่ดินเกลือ มักจะสะสมอยู่ใต้ดินลึกๆ บางแห่งคือ 1,000 - 3,000 เมตร เช่นที่เมืองออสเตรีย ถ้าลึกขนาดนี้ เกลือไม่ขึ้นมาบนผิวดิน มีบางแห่งลึกเพียง 50-60 เมตร เช่น ดินเค็มทางภาคอีสาน เกลือจะละลายน้ำและขึ้นมากับน้ำที่ระเหยไปในอากาศ
วิธีแก้ไขปรับปรุงดินเค็มชนิดนี้ก็คือ กันไม่ให้น้ำพาเกลือขึ้นมา อาจจะโดยวิธีใดก็ได้ ดินเค็มที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่นหรือเกิดจากปุ๋ยเคมีบางชนิด แก้ไขปรับปรุงโดยเอาน้ำจืดชะล้างหรือโดยการปลูกพืชบางชนิดที่สามารถดูดเกลือเข้าไปเป็นปริมาณมากๆ แล้วตัดต้นพืชนั้นออกไปใช้ประโยชน์ หรือทิ้งที่อื่น เช่น การแก้ดินเค็มของประเทศฮอลแลนด์ อย่างนี้เป็นต้น

6. ดินจืด  คือดินที่ปลูกอะไรไม่ขึ้น เนื่องจากอาหารธาตุที่สำคัญของพืชในดินหมดไปจากดิน เช่น ที่ใช้ปลูกมันสำปะหลัง เมื่อปลูกมันสำปะหลังไปนานๆ แล้วปลูกพืชชนิดอื่นไม่ขึ้น มีทางแก้ไขให้ดินจืดนั้นกลับอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก หรือไม่ก็เสียเวลานานมากด้วย  โดยทั่วไปแล้วการปล่อยให้ดินจืดแล้วจึงแก้ทีหลังนั้นไม่ถูกวิธี ทางที่ถูกวิธีนั้นก็คือ ควรปลูกพืชบำรุงดินสลับกับการปลูกมันสำปะหลัง แต่ถึงอย่างไรการแก้ไขทำได้ดังนี้คือ
1.  แก้ไขปรับปรุงโดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้นว่าโรยปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ย กทม. จะต้องใส่ถึง 12 ตันต่อไร่ พร้อมด้วยการเพิ่มปุ๋ยเคมีที่มีโปรแตสสูงๆ เข้าไปด้วย
2.  แก้ไขปรับปรุงโดยการปลูกพืชพวกตระกูลถั่ว อาจเป็นต้นก้ามปู ปลูกให้ถี่ๆ เพื่อทำให้ต้นก้ามปูตั้งตรงสูง ทิ้งไว้ 10-20 ปี เมื่อตัดต้นก้ามปูไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแล้ว จึงหันมาปลูกมันสำปะหลังใหม่